เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน ได้มาจากการเคารพต่อธรรมชาติ และความกตัญญูต่อบรรพบุรุษชาวจีน จึงมีที่มาและประเภทต่างๆ ในบทความ “เทพเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผีของจีน” (ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนมกราคม 2561) ผู้เขียนคือ อ.ถาวร สิกขโกศล จำแนกประเภท ประเภทของเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน ดังนี้
เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน และเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต
เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน เทพแห่งธรรมชาติและเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต มนุษย์มีความเคารพและเกรงกลัวธรรมชาติ เชื่อกันว่ามีเทพเจ้าคอยควบคุมดูแล เช่น ท้องฟ้า ดิน ดวงจันทร์ ดวงดาว ลม ฝน แม่น้ำ และภูเขา มีพิธีถวายเครื่องบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณ มีเรื่องราวปรากฏในหนังสือสมัยชุนชิว (ก่อนคริสตศักราช 227-67) และจ้านกั๋ว (คริสตศักราช 67-322) เช่น หลี่จี๋ (อธิบายประเพณี) กัวหยู (บทกลอนจากภูมิภาคต่างๆ) Zuo Zhuan Chronicles
เทพเจ้ายุคแรกอีกประเภทหนึ่งคือ เทพเจ้าในเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ เครื่องบูชา 5 ประเภทตามประเพณีของราชวงศ์โจว ได้แก่ เทพเจ้าแห่งประตูบ้าน เทพเจ้าแห่งประตูห้อง เทพเจ้าแห่งเตาไฟ และเทพเจ้าแห่งห้องโถงกลาง และเทพเจ้าแห่งท้องถนน นอกจากนี้ยังมีเทพประจำชุมชนที่เรียกว่าเซ (社) ซึ่งเป็นที่มาของเสื้อบ้านเสือเมืองและเสื้อปั้นเตากงในสมัยต่อมา เรื่องราวทั้งหมดนี้มีความสำคัญมากในวิถีชีวิตของคนจีนโบราณ จึงเชื่อกันว่ามีเทพอาศัยอยู่ที่นั่น
เทพบรรพชน บุคคลในตำนานและบุคคลสำคัญบางคน
เทพบรรพชน บุคคลในตำนานและบุคคลสำคัญบางคน ประมุขยุคโบราณและบุคคลในตำนานผู้มีคุณูปการต่อคนจีนได้รับยกย่องเป็นเทพเจ้ามาช้านาน เช่น ฝูซี ผู้สอนให้คนจีนทำแหอวน เลี้ยงสัตว์ เสินหนง ผู้สอนการเพาะปลูกและยาสมุนไพร หวงตี้ ผู้รวมชนเผ่าเป็นรัฐสหพันธ์เผ่ายุคแรก บางคนมีเรื่องราวอยู่ในเทพนิยายโบราณ เช่น โฮ่วอี้ ผู้ยิงดวงอาทิตย์ซึ่งมีถึง 10 ดวงให้ดับไป 9 ดวง ช่วยโลกให้รอดจากถูกแผดเผา ฉางเอ๋อร์ ผู้ลักยาอมตะของทรราชย์กินแล้วลอยเข้าไปอยู่ในดวงจันทร์ หนังสือที่บันทึกเรื่องเทพประเภทนี้ไว้มากที่สุดคือ ซานไห่จิง (三海经) วรรณกรรมยุคจั้นกั๋ว บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์และผู้ทรงคุณธรรมโดดเด่นบางคนก็ได้รับยกย่องเป็นเทพเจ้า เช่น เหลาจื๊อ กวนอู เจ้าแม่มาจู่ซึ่งคนไทยเรียกเจ้าแม่ทับทิม เซียนบางองค์ในคณะโป๊ยเซียน
เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา
เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระเถระ และที่สำคัญอีกประเภทหนึ่งคือเทพผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาและวัดต่างๆ ที่เราเห็นเป็นประจำในวัดจีนคือ ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งอยู่ภายในประตูวัด และพระเวท พระโพธิสัตว์ยืนอยู่ข้างใน ถือคทา พุทธศาสนานิกายมหายานมีเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายและเป็นระบบมาก ส่งผลให้ชาวจีนโดยเฉพาะศาสนาเต๋าได้พัฒนาเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของตนให้เป็นระบบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
เทพในศาสนาเต๋า
เทพเจ้าเต๋า เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋ายุคแรกได้มาจากเทพเจ้าแห่งธรรมชาติและเทพเจ้าบรรพบุรุษในตำนาน แต่เพิ่มเติมอีกมาก เช่น การบูชาสวรรค์ ดิน และน้ำในจีนโบราณ ลัทธิเต๋าได้สร้างเทพเจ้าแห่งธรรมชาติทั้งสามนี้ให้มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาคือเทพเทียนกวนผู้ควบคุมท้องฟ้า Di Guan ดูแลภาคพื้นดิน สุ่ยกวนดูแลผืนน้ำ และกำหนดให้ในช่วงกลางเดือนที่ 1 (เทศกาลหยวนเซียว) ถวายเทพเจ้าเทียนกวน ในช่วงกลางเดือน 7 จันทรคติ (วันตรุษจีน) จะมีการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตี๋กวน และในกลางเดือน 10 จะมีการสักการะเทพเจ้าสุ่ยกวน
เมื่อพระพุทธศาสนาแพร่หลายในประเทศจีน ลัทธิเต๋าจึงปรับระบบเทพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีหลายสิ่งที่เลียนแบบพุทธศาสนา เช่น พุทธศาสนามีพระรัตนตรัย (三世佛) ที่เราเห็นในวัดจีนและพระรัตนตรัย ศาสนาเต๋ายังสร้างเทพเจ้าสูงสุด 3 องค์ของตนเอง เรียกว่า ซานชิง (三请) ซึ่งหมายถึงพระสูตรสามองค์หรือพระตรีเอกภาพบริสุทธิ์ ซึ่งเราสามารถเห็นได้ในวัดหลักของวัดลัทธิเต๋า
เทพพื้นบ้าน
เทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน เทพพื้นบ้าน คือเทพที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน เกิดจากเทพ 4 ประเภทแรกที่แปรเปลี่ยนไปตามความเชื่อของชาวบ้าน เช่น ความเชื่อเรื่องเง็กเซียงฮ่องเต้ ตามสารบบเทพของศาสนาเต๋าเป็นมหาเทพชั้นรอง เทพสูงสุดของศาสนาเต๋าคือไตรสุทธิเทพ (ซานชิง) ซึ่งมี 3 องค์ ได้แก่ หยวนสื่อเทียนจุนผู้สร้างจักรวาล หลิ่งเป่าเทียนจุนผู้คุมกฎของจักรวาล ไท่ซ่างเหล่าจุน (ท้ายเสียงเล่ากุนในเรื่องไซอิ๋ว) ผู้เผยแพร่ธรรมและกฎของจักรวาล
มหาเทพอันดับรองลงมาคือจตุรเทวราช (ซื่ออี้ว์ 四御) ได้แก่เทพชั้นสูง 4 องค์ เง็กเซียงฮ่องเต้เป็นองค์แรกในสี่องค์นี้เป็นราชาแห่งสรวงสวรรค์เท่านั้น ไม่ใช่ทั่วจักรวาล แต่ในความเชื่อชาวบ้าน เง็กเซียงฮ่องเต้เป็นประมุขของจักรวาล ไท่ซ่างเหล่าจุน (ท้ายเสียงเล่ากุน) เป็นเทพเสนา อยู่ใต้ปกครองของพระองค์
อีกตัวอย่างหนึ่งคือพระโพธิสัตว์กวนอิม ตามพุทธศาสนามหายานเป็นชาย แต่มีนิรมาณกายปางหนึ่งเป็นหญิง ทว่าในความเชื่อชาวบ้านท่านเป็นหญิง และแต่งตำนานเสริมว่าเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านบำเพ็ญบารมีผ่านทุกข์ภัยสารพัดจนบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์ เรื่องนี้ไม่ปรากฏในคัมภีร์พุทธศาสนา
อ. ถาวร สิกขโกศล กล่าวสรุปว่า “ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาเกิดจากมนุษย์ เปลี่ยนไปตามสังคมและความนึกคิดของผู้คนในสังคมนั้น ดังเช่นความเชื่อเรื่องเทพสูงสุด ในยุคราชวงศ์ซาง (1057-503 ก่อน พ.ศ.) และราชวงศ์โจว (ก่อน พ.ศ. 503-พ.ศ. 287) เรียกซ่างตี้ (พระเป็นเจ้าเบื้องบน) หรือเทียน (แถน) มีลักษณะเป็นนามธรรม ต่อมาผสมผสานกับเทพของศาสนาเต๋า แล้วได้รับอิทธิพลจากมหากาพย์พุทธจริตซึ่งสดุดีการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า ศาสนาเต๋าจึงได้สร้างเง็กเซียงฮ่องเต้ขึ้น บำเพ็ญบารมีเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าจนได้เป็นประมุขแห่งสรวงสวรรค์นิรันดร์ เป็นภาพสะท้อนกษัตริย์ในสังคมมนุษย์
ต่อมาเมื่อจีนเข้าสู่ยุคประชาธิปไตย ความเชื่อเรื่องเง็กเซียงฮ่องเต้เปลี่ยนตามสังคมมนุษย์ว่า ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งองค์เดียวถาวร แต่มีครบวาระพ้นตำแหน่ง แล้วประมุขของศาสนาสำคัญ 5 ศาสนาคือ คริสต์ อิสลาม พุทธ ขงจื๊อ และเต๋า ซึ่งสถิตบนสวรรค์จะประชุมกันเลือกเง็กเซียงฮ่องเต้องค์ใหม่ ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 18 ผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้คือเทพกวนอู ความเชื่อนี้แพร่หลายมากในไต้หวัน ในจีนเริ่มมีบ้างแต่ยังไม่มากนัก จึงเห็นได้ว่าเทวดาเกิดจากความคิดของมนุษย์และเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมมนุษย์
ความเชื่อเรื่องเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ มีส่วนช่วยคุมจริยธรรมของสังคม เพราะกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ ให้ความจรรโลงใจทางจินตนาการ ตลอดจนวอนหวังให้ช่วยประทานความเจริญรุ่งเรือง มั่งมีศรีสุข…”